ปกติวิธีที่ทำอยู่
คือ คิดก่อนว่าจะเรียนอะไรดี แล้วค่อยคิดต่อว่าจบออกมาแล้วจะทำงานอะไร
ซึ่งหลายคนตันเพราะวิธีคิดแบบนี้ สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าเราเหมาะจะเรียนคณะไหน
แต่ถ้าเปลี่ยนวิธีโดยให้คิดข้ามไปอนาคตเลยว่าอยากทำงานอะไร เช่น หากอยู่ ม.6 ก็นึกข้ามไปเลยว่าอีก 5 ปีข้างหน้าอยากเป็นอะไร เป็นการมองที่จุดหมายปลายทางเลย
การมองถึงอาชีพในอนาคตจะช่วยสโคปแนวทางการเรียนให้ชัดเจนขึ้น น้องๆ
ก็จะหาต่อได้ว่าถ้าอยากทำงานนั้นจะต้องเรียนคณะใด เช่น
- โตขึ้นอยากเป็นเภสัชกร ก็ต้องเรียนคณะเภสัชศาสตร์
- โตขึ้นอยากเป็นวิศวกร ต้องเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์
2. หาความชอบและสิ่งที่ถนัด
ไม่ว่าทำอะไรก็ตาม หากได้ทำสิ่งที่ชอบและถนัดจะทำให้ทำสิ่งนั้นได้ดีเสมอ ว่างๆ ลองนั่งอยู่กับตัวเองซักวันหนึ่ง หากิจกรรมที่ชอบและสิ่งที่เราถนัด และถ้าให้ดีหาเผื่อไปถึงความสามารถพิเศษเลยก็ได้ จดไว้ให้เยอะที่สุด เช่น ชอบวาดภาพ ชอบร้องเพลง ชอบทำอาหาร ชอบเล่นเว็บบอร์ด ฯลฯ ความชอบและความสามารถพิเศษเหล่านี้สามารถต่อยอดไปทั้งการเรียนและการทำงาน ได้นะคะ บางอย่างที่คนอื่นมองว่าไร้สาระ แต่อาจช่วยให้คนๆ นั้นได้เรียนในสิ่งที่เค้าชอบและมีความสุข แถมยังได้ทำงานที่ตัวเองรักอีกด้วย
ตัวอย่าง
คนแรก ชอบวาดรูปตั้งแต่เด็ก ซึ่งเด็กๆ ฝีมือวาดก็ไก่กามาก
แต่ยิ่งโตเขาก็ยิ่งพัฒนาตัวเอง ฝึกวาดรูปบ่อยๆ
สุดท้ายความชอบในการวาดรูปก็ทำให้ได้เรียนในคณะศิลปกรรม
และจบมาก็ยังเป็นจิตรกรวาดภาพสร้างรายได้อีกมากมาย
3. วิชาที่ชอบบอกคณะได้
อีกหนึ่งเทคนิคที่พลาดไม่ได้เลย คือ หาวิชาที่เราชอบ
วิชาที่ชอบ
คือ วิชาที่เรียนแล้วสนุก
รู้สึกอินทุกครั้งที่เรียน ไม่อยากขาดเรียนเลยซักคาบ ส่วน
วิชาที่ไม่ชอบ คือ
วิชาที่ยิ่งเรียนยิ่งเหนื่อย ยิ่งอยู่ด้วยยิ่งเครียด
การแยกวิชาที่ชอบและไม่ชอบทำให้น้องๆ
เห็นอนาคตของตัวเองมากขึ้นว่าควรเน้นไปทางแนวไหน
เพราะแต่ละคณะมีวิชาเรียนที่แตกต่างกัน เช่น ชอบเลข ก็เหมาะคณะบัญชี บริหาร
เศรษฐศาสตร์หรือคณะอื่นๆ ที่มีการคำนวณ บางคนชอบภาษาอังกฤษ เกลียดเลข
ก็อาจเน้นไปเรียนด้านภาษาไปเลย ซึ่งในมหาวิทยาลัยก็ไม่มีเรียนเลขด้วย
หรือบางคนชอบสังคมฯ กับภาษา ก็เหมาะจะเรียนพวกสายมนุษยศาสตร์ สังคมสงเคราะห์
รัฐศาสตร์ จบไปเป็นทูต นักสังคมฯ นักข่าว เป็นต้น
4. เลิกตามเพื่อน
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นการ
"ค้นหาตัวเอง" ถ้ามัวแต่ตามเพื่อน น้องๆ จะไม่มีวันเจอสิ่งที่ตัวเองต้องการแน่นอน
เข้าใจว่าช่วงวัยรุ่นติดเพื่อน อยากเข้ามหาวิทยาลัยพร้อมเพื่อน
แต่ถ้าคณะที่เพื่อนเรียนเราไม่ได้อยากเรียนเลยสักนิด ผลเสียจะตกที่เราเต็มๆ นะคะ
อย่างแรกคือเสียการเรียนเพราะอาจเรียนไม่ไหว อย่างที่สองคือเสียใจ
หากพบว่าเรียนไม่ไหวแล้วต้องสอบเข้าปี 1 ใหม่อีกรอบ
ดังนั้นอยากค้นหาตัวเองให้เจอเร็วๆ
ต้องเข้าใจก่อนว่าเรียนจบไปทุกคนต้องเรียนต่อในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
หากคิดแบบนี้ได้น้องๆ จะเริ่มค้นหาสิ่งที่ตัวเองชอบได้ โดยไม่ต้องตามเพื่อนอีกต่อไป
5. บุคลิกบอกอนาคต
ในแง่ของจิตวิทยาตามหลักทฤษฎีการเลือกอาชีพของฮอลแลนด์ (John
L. Holland) ได้บอกไว้ว่าการสังเกตบุคลิกภาพของตัวเองสามารถค้นหาอาชีพที่เหมาะสมได้
โดยมี 6 ประเภท คือ
1.Social ชอบ
พบปะผู้อื่น ชอบงานบริการ ชอบช่วยเหลือคน ชอบการสอน
ไม่ชอบงานที่เกี่ยวกับเครื่องยนต์ อาชีพที่เหมาะสมเช่น หมอ ครู ประชาสัมพันธ์
นักฝึกอบรม มัคคุเทศก์ กลุ่มงานโรงแรม
คณะที่คนกลุ่มนี้มักจะเลือกก็จะเป็นแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ แนวคณะสังคมศาสตร์
มนุษยศาสตร์ การโรงแรม เป็นต้น
2.Investingate ชอบงานวิชาการ งานที่ซับซ้อนท้าทาย ชอบวิเคราะห์ แก้ไขปัญหา
มีความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และคำนวณ ช่างสังเกต ไม่ชอบเข้าสังคม
อาชีพที่เหมาะสมเช่น นักวิจัย นักวิชาการ หรืองานที่เกี่ยวข้องเชิงวิชาการ
คณะที่คนกลุ่มนี้มักจะเลือกคือ คณะวิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เป็นต้น
3.Realistic ชอบงานที่ใช้เครื่องมือ
ชอบการลงมือทำ ไม่ชอบการเข้าสังคม กลุ่มงานที่เหมาะสมก็จะเป็นกลุ่มงานช่าง วิศวกร
สถาปนิก นักประดิษฐ์ เกษตรกร คณะที่เลือกได้ก็เช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์ เกษตร
เทคนิคการแพทย์
4.Enterprising ชอบการวางแผนและชี้นำ
กล้าแสดงออก มีความเป็นผู้นำ โน้มน้าวใจเก่ง งานที่เหมาะสมเช่น นักธุรกิจ การตลาด
นายหน้าซื้อขาย ทนายความ ฯลฯ คณะที่คนกลุ่มนี้ชอบเลือกเช่น นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์
เศรษฐศาสตร์
5.Convention ชอบงานเอกสาร ตัวเลข การจัดเก็บข้อมูล ละเอียดรอบคอบ
ตรงไปตรงมาไม่ค่อยยืดหยุ่น มีระเบียบ ไม่มีหัวด้านศิลปะ ชอบบรรยากาศการทำงานออฟฟิศ
อาชีพที่เหมาะสม เช่น เลขาฯ นักบัญชี บรรณารักษ์ ธุรการ
คณะที่คนกลุ่มนี้มักเลือกเรียนเช่น คณะบัญชี บริหาร สารสนเทศศาสตร์
6.Artistic ชอบ แสดงออก
รักอิสระ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ไม่ค่อยมีระเบียบ อ่อนไหวง่าย มีอารมณ์ศิลปิน
กลุ่มงานที่เหมาะสมจะเป็นแนวบันเทิง ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และการแสดงออก
เช่น นักแสดง นักจัดรายการ นักดนตรี นักแปล นักออกแบบ ศิลปิน
คณะที่คนกลุ่มนี้มักเลือกเรียนเช่น อักษรศาสตร์ นิเทศศาสตร์ ศิลปกรรม
ที่มา
https://www.facebook.com/satrinon56/posts/544159575621674
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น