คณะที่ติดก็ไม่ใช่ คณะที่ใช่ก็ไม่ติด
เหตุผลนี้มีหลากหลายที่มา แต่บทสรุปที่เหมือนกัน
คือได้เรียนในคณะที่ไม่ใช่ เรียนไปแล้วมันไม่ใช่อะพี่ !! ให้ฝืนแค่ไหน
ยังไงก็ไม่อยากเรียนอยู่ดี มันเป็นความทรมานลึกๆ?ที่เด็กซิ่วทั้งหลายไม่สามารถบอกใครได้
ถึงแม้ว่ามีที่เรียนแต่ก็ไม่มีความสุขอยู่ดี ?คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก? อยากจะออกจากที่นั่นไปทุกนาทีถ้าทำได้
แต่ด้วยความที่เราได้ที่นี่เราก็ต้องเรียน จะไม่เรียนก็ไม่ได้ครอบครัวจะว่ายังไง? จะถูกด่าว่าหยิ่ง ยโส
ไม่ดูมันสมองตัวเอง หรือเปล่า และอีกหลายๆ คำที่ต้องทนเก็บไว้
สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงแต่ทนเรียนต่อไป และอ่าน GAT PAT ไปด้วยเพื่อเตรียมสอบอีกครั้ง
เกียรติภูมิแห่งศักดิ์ศรี
ฉันต้องเข้า มหาวิทยาลัยดีมีชื่อเสียง
เหตุผลนี้สลับกับเหตุผลแรกเลยค่ะ
คือว่าได้คณะที่คิดว่าโอเคแล้วแต่ว่า??ที่ฉันเลือก ต้องได้มหาวิทยาลัยที่ดีกว่านี้ซิ??ซึ่งที่มาของเหตุผลนี้ก็มีที่มาหลายอย่างนะคะ
บางคนไม่อยากเรียนมหาวิทยาลัยนี้เพราะว่าอีกมหาวิทยาลัยมีการเรียนการสอนในคณะนี้ที่ดีกว่า
หรือบางคนไม่อยากเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ไกลบ้าน ไม่อยากห่างครอบครัว พ่อแม่ พี่น้อง
เจ้าตูบเจ้าด่างก็ว่ากันไปเพราะคิดว่าถ้าไปไกลต้องเป็นโรค Homesick แน่นอน
แต่บางคนกลับให้เหตุผลที่ซิ่วเป็นเพราะว่ามหาวิทยาลัยที่ได้ยังไม่มีชื่อเสียงพอ
ต้องเข้ามหาวิทยาลัยที่เป็นอันดับหนึ่งหรือติดท็อปไฟว์ของประเทศไทยให้ได้ ทุกคนมีศักดิ์และศรีเท่ากันหมด
การที่ดูถูกคนอื่นมันก็คือความคิดที่ไม่เป็นมิตร
และอาจจะนำไปสู่แรงกดดันตัวเองมากเกินไป สุดท้ายก็จะสอบไม่ติดที่ไหนเลยก็เป็นได้นะ
สอบตรงก็ไม่ได้ แอดมิชชั่นก็ไม่ได้ รอบหลังแอดฯ ก็อดอีก
เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้เราคงกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้
แต่เราสามารถทำอนาคตให้ดีขึ้นได้ มีหลายทางให้เลือกเลยค่ะ
บางคนก็ไปเรียนม.รัฐที่เป็น ม.เปิด บางคนก็เรียนม.เอกชนรอไปก่อน
บางคนก็เข้าคอร์สเรียนพิเศษเตรียมตัวกับการสอบรอบใหม่
หรือบางคนก็อยู่บ้านอ่านหนังสือเอง! เลือกได้หลายวิธีเลยค่ะ พี่แป้ง อยากบอกว่าการที่เราไม่ติดที่ไหนเลยไม่ได้หมายความว่าเราไม่มีศักยภาพ?อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ขอให้แล้วไป
ขอให้น้องๆ อ่านหนังสือ สะสมความรู้ไปเรื่อยๆ ยังไงก็ต้องประสอบความสำเร็จ เชื่อว่าถ้าคนหัวดีแต่ไม่ขยันยังไงก็แพ้คนหัวไม่ดีที่ขยัน
ครอบครัวกดดัน ยังไงก็ต้องเปลี่ยน
อุตส่าห์ได้คณะที่อยากเรียน มหาวิทยาลัยในฝันทันที?? แต่ว่าครอบครัวไม่ยอมรับซะนี่!!!!!? ยังไงเราก็ต้องซิ่วออกมา
เราเป็นคนเรียน แต่ว่าที่บ้านเป็นคนจ่ายเงิน
ยังไม่ปีกกล้าขาแข็งพอที่จะหาเงินเรียนเองนิ ส่วนเหตุผลที่บ้านอยากให้ซิ่วอาจจะเป็นเพราะว่า
จบไปจะทำงานอะไร เรียนหนัก เหนื่อย ดูไม่มีอนาคต ค่าเทอมแพง ไกลบ้าน หรืออื่นๆ
อีกหลายเหตุผล อยากจะให้ลองทำความเข้าใจกับที่บ้าน?ชี้แจงเหตุผลกันไปเลย?สมมติว่าถ้าถามว่าจบไปทำงานอะไร
เราก็ต้องหาข้อมูลให้ได้ว่ามีงานอะไรทำได้บ้าง หรือเราเรียนตั้งใจทำงานอะไร
พ่อแม่บางคนบอกว่าอาจจะส่งไม่ไหวนะ เราก็ทำเรื่องกู้กยศ.เลย
อย่างน้อยแบ่งเบาภาระได้บ้างก็ยังดี ถ้ากู้ไม่ได้ก็ต้องพยายามประหยัดที่สุด
หรือหาทางออกที่ดีที่สุด ไม่ใช่ว่าประชดประชันพ่อแม่นะคะ
เพราะถึงแม้จะเป็นอย่างไรก็ตาม ไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอกค่ะที่อยากเห็นลูกตัวเองลำบากในอนาคต
หรือไม่รักลูกตัวเอง
เรียนมาตั้งนาน
เพื่อนก็ไม่มี คุยกับใครก็ไม่มีใครอยากคุย
อันนี้ไม่รู้จะเป็นปัญหา หรือเหตุผลดี แต่ พี่แป้ง
ว่ามันเป็นเหตุผลหนึ่งเลยนะที่ตัดสินใจที่จะซิ่ว คือได้คณะที่ชอบ
มหาวิทยาลัยที่ใช่ แต่ไม่มีความสุข รู้สึกว่าแตกต่างจากคนอื่นทั่งๆ
ที่ก็ห่างกันแค่รุ่นเดียวเอง มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนว่า?อยู่ตัวคนเดียว?อยากให้คนอื่นยอมรับเรา
เข้าหาก็แล้ว ชวนคุยก็แล้วทำไมถึงยังไม่รู้สึกว่ามีเพื่อนสักทีละ
หรือบางคนบอกว่าเราก็เป็นเพียงเด็กบ้านนอกคนนึงมาเรียนที่เมืองกรุงรู้สึกว่าสังคมมันแตกต่าง
มีแต่ความฉาบฉวย ใส่หน้ากากเข้าหากัน ไม่อยากอยู่แล้ว
มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่เป็นแบบนี้
การที่เรียนคนเดียวในมหาวิทยาลัยที่กว้างขนาดนี้ทำให้รู้สึกว้าเหว่
ถ้าจะเริ่มแก้ก็ต้องเริ่มที่ตัวเราเองนั่นแหละค่ะ
ไม่ได้หมายความว่าต้องทำตัวให้เหมือนคนอื่นเพื่อให้คนอื่นยอมรับนะ
แต่ว่าต้องเข้มแข็งให้คนอื่นเห็นว่าเราก็ไม่ได้อ่อนแอนะ
ถ้าจะเรียนยากขนาดนี้ ซิ่วให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย
เหตุผลนี้เรียกง่า
ๆ ว่าเรียนไม่ไหวนั่นเอง?เข้าไปเรียนแล้วเพื่อนก็โอเคนะ
บรรยากาศก็อยากเรียน แต่เนื้อหาวิชามันยากเกินกว่าจะเข้าใจนี่หน่า
หวั่นวิตกว่าจะไม่จบง่ายๆ นะซิ ซิ่วไปหาที่เรียนที่ง่ายกว่านี้ดีกว่า
อยากให้เลือกวิธีที่จะซิ่วเป็นทางสุดท้าย ไม่ได้ห้ามนะ
แต่ถ้าเป็นสิ่งที่อยากเรียนมันจะมีแรงบันดาลใจบางอย่างที่ทำให้เรามีความกระตือรือร้นที่จะเรียน
ลองให้เพื่อนช่วยสอนให้ ไปติวกับเพื่อนดูก่อนนะ
บางทีอาจจะยากเฉพาะวิชาที่เราไม่ถนัดก็ได้ ไม่มีใครถนัดไปซะทุกด้านหรอก
เอาไว้แบบว่าไม่ไหวจริงๆ เกรดหวิดโดนรีไทร์แน่ๆ ค่อยซิ่วออกมานะคะ พยายามเต็มที่
สู้ตาย (ชูสองนิ้วให้เลย)
เพราะไม่รู้ว่าชอบแบบไหน
เลยยังไปต่อไม่ได้สักที
ง่ายก็คือ ตอนนี้กำลังเคว้งคว้างนั่นเอง จะไปทางไหนดี เราถนัดทางไหน
เรียนอะไรที่คิดว่าสามารถเรียนได้โดยมีความสุขด้วย
ขอหยุดสักปีค้นหาตัวเองก่อนดีกว่า เฮ้อ เหตุผลนี้เป็นเหตุผลที่หาทางออกยากนะ?แนะนำให้เราถามตัวเองว่า??ทำไม?? ให้ลองพยายามหาคำตอบด้วยนะคะ
เพราะเราอาจจะได้คำตอบก็ได้ ก็ดีกว่าถามแล้วก็ปล่อยให้มันเป็นคำถามอยู่อย่างนั้น
เราก็จะไม่มีวันหาตัวเองเจอหรอกค่ะ
ที่มา http://m.eduzones.com/content.php?id=162255
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น